ช่วงนี้ใครที่ต้องทำงานอยู่บ้าน ก็เรียกได้ว่าทั้งปลอดภัยและประหยัดเวลา ไม่ต้องเดินทางไปไหน ทำให้มีเวลาในแต่ละวันเพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรดี เป็นเชฟก็เป็นไปแล้ว ต้นไม้ก็ปลูกแล้ว หนังก็ดูจนตาแฉะ
เอ๋...? เหลืออีกอย่างที่เรายังไม่ได้ทำนี่น่าา เก็บของไง!! ยิ่งทำงานอยู่ที่บ้านยิ่งเอาของออกมากองกันให้รกไปหมด
ลองมาเล่นเกมกับตัวเองในการทำภารกิจจัดระเบียบกัน 14 วันเท่านั้น ชีวิตทุกคนจะเปลี่ยนไป!! แบ่งเวลาแค่เพียงวันละ 2 – 3 ชั่วโมง ทำทีละน้อยๆ แต่เห็นผลแน่นอน เริ่มกันเลย!!...
วันที่ 1 จัดระเบียบห้องนอนให้น่านอนยิ่งขึ้น
เริ่มที่ห้องนอนก่อนเป็นอันดับแรก ห้องนอนของแต่ละคนถือเป็นคลังสมบัติย่อมๆ เลยทีเดียว ไม่ว่าจะหนังสือ หรืออุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ ที่เราแทบไม่ได้สนใจ เราสามารถนำของเหล่านั้นเก็บลงกล่องได้เลย โดยอาจมีโพสต์อิทแปะหน้ากล่องไว้ว่าในกล่องนี้มีของอะไรบ้าง เผื่อวันหนึ่งที่เราอยากหยิบของชิ้นนั้นมาดูอีกครั้งจะได้ไม่ต้องรื้อให้วุ่นวาย และสามารถเพิ่มความเป็นระเบียบในการเก็บของมากยิ่งขึ้นด้วยที่แขวนพวงกุญแจ และที่แขวนอเนกประสงค์
วันที่ 2 จัดตู้เสื้อผ้าให้ไม่รก เพิ่มพื้นที่ว่างรับของใหม่
ช่วงเวลาของการจัดเก็บตู้เสื้อผ้า หลายคนที่บ่นว่าไม่มีเสื้อผ้าใส่ใครจะรู้ว่าที่จริงแล้วตู้เสื้อผ้าของคุณคือแน่นเอี๊ยดแล้ว ลองเอาเสื้อผ้าที่มีทั้งหมดในตู้ออกมากองรวมกันดู และเริ่มจากจัดเสื้อผ้าที่ใส่ประจำแขวนใส่ตู้ ส่วนชุดนอนหรือชุดอยู่บ้าน พับแล้วเรียงไว้ให้หยิบใช้ง่าย อย่าลืมหาซื้อกล่องเก็บชุดชั้นในเก็บให้เป็นระเบียบ สำหรับใครที่เห็นว่าไม้แขวนเก่าแล้ว ไม่เข้าเซตในตู้สามารถซื้อไม้แขวนใหม่กันได้เลย และใครที่มีชุดตัวโปรดตัวแพง อย่าลืมหาซื้อถุงคลุมไว้ด้วย ป้องกันฝุ่นได้ดีทีเดียวเลย แล้วตัวไหนที่ใส่ไม่ได้แล้ว หรือ เก่าเกินไป แยกออกมาเลยแล้วสามารถนำมารีไซเคิลใช้เป็นผ้าขี้ริ้วได้
วันที่ 3 ห้องน้ำ พื้นที่แห่งคาราโอเกะ
ห้องน้ำพื้นที่ที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน ๆ เป็นทั้งห้องน้ำ และห้องคาราโอเกะสำหรับหลายคน แต่จะแฮปปี้ยิ่งกว่า ถ้าห้องนี้เป็นระเบียบและน่าใช้มากขึ้น เริ่มกันที่จัดเรียงสิ่งของให้เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น ด้วยชั้นวางของในห้องน้ำ Tips เล็กๆ คือ เลือกแบบวางเข้ามุมจะช่วยประหยัดพื้นที่ในห้องได้เยอะ วางแชมพู, สบู่ และโฟมล้างหน้าได้เลย และหาซื้อที่แขวนแปรงแบบติดผนังช่วยประหยัดพื้นที่ ถ้ามีที่ครอบแปรงสีฟันจะช่วยป้องกันฝุ่นได้ด้วย เพิ่มความชิคอีกหน่อยด้วยการเปลี่ยนชวดแชมพู สบู่ ให้คุมโทนดูก็ได้นะ ทำให้ห้องน้ำดูสวยงามขึ้น แต่ต้องเลือกขวดที่ขนาดกำลังดีกับการใช้งาน และเป็นพลาสติกจะดีกว่า เพราะถ้าเป็นแก้วหรือเซรามิคอาจจะลื่นหลุดมือได้
วันที่ 4 ตู้เย็น ขุมทรัพย์เสบียงชั้นยอด
มาถึงตู้เซฟอาหารของทุกคน นั่นก็คือออ... ตู้เย็น! ใครที่เคยบอกว่าของที่อยู่ในตู้เย็นไม่มีวันเสีย ลองหมุนหาวันหมดอายุกันดู แล้วอาจเห็นว่าเราเก็บของหมดอายุไว้ในตู้เย็นมานานมาก อันไหนหมดอายุแล้วทิ้งเลย เผลอกินขึ้นมาเป็นเรื่องใหญ่ และจัดพื้นที่ในตู้เย็นให้เป็นระเบียบมากขึ้นโดยใช้กล่อง และขวดน้ำ ที่มีฝาปิดแน่นหนา ในการแยกเก็บอาหาร และน้ำดื่มชนิดต่างๆ วิธีนี้จะช่วยเพิ่มพื้นที่ในตู้เย็น และทำให้ตู้เย็นไม่มีกลิ่นอีกด้วย
วันที่ 5 จัดการรถคันโปรด
สำหรับคนที่มีรถ รถก็เหมือนลูก เราต้องดูแลเป็นพิเศษ จะปล่อยให้เนื้อตัวมอมแมมไม่ได้ ต้องสะอาดทั้งภายนอกและภายใน เคยรื้อดูช่องต่างๆ ภายในรถตัวเองกันไหม บางครั้งเราอาจเคยซุกใบเสร็จไว้ในช่องเหล่านั้นกัน หรืออาจจะมีเศษเหรียญที่ตกจากเก๊ะ สามารถหากระเป๋ามาแยกเก็บของเล็กๆ น้อยๆได้ ส่วนใครที่ชอบเก็บของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทิชชู่ หรือ กองงานของตัวเองไว้ในรถ กล่องอเนกประสงค์ก็เป็นตัวช่วยที่ดีเพื่อความสะดวกในการหยิบใช้งาน พร้อมเพิ่มความหอมด้วยแผ่นปรับอากาศ ก็จะช่วยลดกลิ่นอับและกลิ่นอาหารได้เป็นอย่างดีเลย
วันที่ 6 โต๊ะทำงานคือออฟฟิศในบ้าน
ช่วง WFH แบบนี้ ส่วนใหญ่คนทำงานก็ใช้เวลาแทบทั้งหมดอยู่ที่โต๊ะทำงาน การจัดโต๊ะทำงานจึงเป็นเรื่องสำคัญ เราจะปล่อยให้ออฟฟิศแสนรักของเรารกไม่ได้ กองงานเอกสารที่กระจายอยู่เต็มโต๊ะ จนแยกไม่ออกว่านี่งานของเมื่อวานหรือต้นปีกันแน่ เอามาเรียงใส่ในแฟ้มกันดีกว่า เสริมทริคเล็กๆ ด้วยการหาแฟ้มบางๆ แยกสีของแต่ละเดือนไว้ เวลาจะหางานเก่าก็ตามหาได้ไม่ยาก ส่วน stationaryต่างๆ เอามาใส่ไว้ในชั้นวางของตั้งโต๊ะ หยิบใช้ก็ง่าย ยิ่งถ้าคนไหนชอบคุมโทน แล้วเลือกสีชั้นให้เข้ากัน ยิ่งน่าใช้ขึ้นไปอีก และต้นไม้เล็กๆ สักต้น เวลาเราทำงานหน้าคอมนานๆ หันมามองต้นไม้บนโต๊ะจะช่วยได้เยอะเลยเดียว ที่สำคัญต้นไม้บางชนิดยังช่วยเสริมฮวงจุ้ยได้อีกด้วย หรือใครไม่ถนัดเลี้ยงต้นไม้จริง จะเป็นต้นไม้ปลอมก็ยังได้นะเพราะสีเขียวช่วยให้รู้สึกสดชื่น ลดความเหนื่อย คลายความเครียดได้ดีเลยทีเดียว
วันที่ 7 ปัจจัยที่ห้า ถ้าคอมพิวเตอร์คือชีวิต
ทุกวันนี้หลายคนจะทำงานก็ต้องใช้คอมพิวเตอร์ ถ้าเป็นอะไรขึ้นมา ใจคอไม่ดีแน่ๆ... วันนี้ไม่ต้องขยับตัวมาก แค่เพียงขยับนิ้วในการจัดการพื้นที่ในคอมฯ ตัวเอง ใครเป็นพวกเก็บไฟล์ทับกันไปทับกันมา เซฟว่าไฟนอลประมาณห้าไฟล์ได้ จะหาไฟล์อีกทีก็งงซะละ อันไหนไฟนอลกันแน่ เทคนิคในการเซฟไฟล์งานนั้นง่ายนิดเดียวให้เราลงวันที่ที่เราเซฟไฟล์นั้นไว้ด้วยเลย เพื่อที่จะได้รู้ว่าไฟล์ไหนเราได้มาเมื่อไหร่แล้วไฟล์นั้นเป็นไฟล์ล่าสุดแล้วหรือยัง และที่สำคัญอย่าไว้ใจคอมฯ เด็ดขาด ควรมี เอ็กซ์เทอนอล ฮาร์ดไดร์ฟ ไว้สำรองงาน ส่วนบางคนที่ต้องพรีเซนท์งานลูกค้า อีกแกตเจตนึงที่ควรมีคือ อะแดปเตอร์จะต่อกับอะไรก็ใช้งานง่าย พกพาสะดวก
วันที่ 8 ห้องนั่งเล่น พื้นที่แห่งการรวมตัว
ห้องนั่งเล่นน่าจะเป็นอีกหนึ่งที่ที่ต้องใช้เวลาในการจัดเก็บ เพราะเป็นที่อเนกประสงค์ของคนทั้งบ้าน ของก็จะยิ่งเยอะมากเป็นธรรมดา แก้ปัญหาได้ง่ายๆเลย ด้วยการจัดเก็บของด้วยชั้นวางของ หรือให้ดีไปกว่านั้นก็ที่เก็บของแบบทูอินวัน ที่เป็นทั้งที่เก็บของและเก้าอี้ สร้างระเบียบ และเพิ่มพื้นที่นั่งไปในต้ว และอีกหนึ่งปัญหาที่พบบ่อยคือเรื่องรีโมทหาย ซึ่งก็แก้ไขได้ไม่ยากเหมือนกัน โดยการจัดเก็บให้เป็นที่ อาจรวมกับของกระจุกกระจิกอื่นๆ ไว้ในกล่องเดียวกันเพื่อความสะดวกในการหยิบใช้
วันที่ 9 อัปเดตปฏิทินกิจกรรมกันสักนิด
วันนี้มานั่งชิลๆ อัปเดต ตารางงานพร้อมปฏิทินกิจกรรมตัวเองกันสักหน่อย ตกหล่นอะไรไปไหม ลองเช็กข้อความในอีเมล หรือแชทที่คุยกับเพื่อนร่วมงาน ว่ามีอะไรอัปเดตเพิ่มหรือเปล่า เราจะได้ไม่พลาดทุกกิจกรรม ไม่ว่าจะประชุม หรือตารางคอนคอลในแต่ละวัน สำหรับใครที่กลัวว่าเมมไว้ในโทรศัพท์แล้วอาจลืมได้ลองเปลี่ยนมาใช้สมุดขนาดเล็กตั้งไว้ที่โต๊ะทำงานเลย พร้อมการเขียนด้วยปากกาหลากหลายสีแบ่งหัวข้อให้ชัดเจน และตกแต่งสมุดให้น่าอ่านยิ่งขึ้นด้วยมาสก์กิ้งเทป
วันที่ 10 ห้องครัว สเตชั่นการเป็นเชฟ
Allez cuisine! ถ้าห้องครัวไม่เป็นระเบียบ การโชว์ฝีมือของเชฟอาจไม่สนุกได้ จัดสิ่งของภายในครัวแยกเป็นหมวดๆ แบ่งเครื่องปรุงใส่ขวดโหลขนาดเล็กให้สามารถหยิบมาใช้ได้ง่าย และตัวช่วยประหยัดพื้นที่แถมเป็นระเบียบอีกด้วยคือชั้นวางเครื่องครัว ถ้าเป็นชั้นที่ยึดกับผนังจะประหยัดพื้นที่ได้ดีมาก และสำหรับบ้านไหนที่มีเด็กๆ ต้องมีที่เก็บมีดเลย เก็บให้เรียบร้อยปลอดภัยทั้งตัวเราและเด็กๆ
วันที่ 11 เครื่องประดับเล็กแค่ไหนก็หาเจอ
มาถึงของสำคัญที่ขาดไม่ได้ เครื่องประดับนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นแหวน, ต่างหู, สร้อยคอ หรือกำไล จากที่วางๆ ไว้บนโต๊ะเครื่องสำอาง เอามาจัดระเบียบลงกล่องแยกเป็นประเภทๆ กันดีกว่า และหากคุณเป็นคนมีเครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วนั้นการแยกเครื่องประดับด้วยกล่องที่มีหลายช่อง จะช่วยให้คุณเลือกเครื่องประดับที่จะใส่ในแต่ละวันได้ง่ายยิ่งขึ้น และสำหรับใครที่มีเครื่องประดับชิ้นใหญ่ จะแยกใส่ตู้กันฝุ่นก็ยิ่งดี รวมถึงสร้อยคอที่ถ้าเก็บลงกล่องน่าจะพันกันยุ่งแน่ๆ หาที่แขวนมาติดผนังไว้จะดีกว่า หยิบใช้ก็ง่าย สะดวกสุดๆ
วันที่ 12 เก็บรองเท้า เปิดกรุสมบัติ
เชื่อว่าทุกคนต้องต้องมีรองเท้ามากกว่า 1คู่แน่ๆ ยิ่งใครสะสมรองเท้า จะเรียกว่าตู้รองเท้าคงไม่ได้ นี่มันกรุสมบัติชัดๆ เป้าหมายของวันนี้คือการจัดการตู้เก็บรองเท้า! การจัดตู้รองเท้าไม่ยากมาก นอกจากทำความสะอาดแล้ว ลองหาตัวช่วยรักษาสภาพรองเท้าให้นานขึ้นด้วยที่ดันทรง ใส่ในรองเท้า ช่วยให้ทรงรองเท้าสวยงามอยู่ตลอด สำหรับใครที่ไม่มีตู้เก็บก็สามารถจัดระเบียบได้ด้วยกล่องพลาสติกมาใส่รองเท้า และสามารถลดกลิ่นอับในตู้ด้วยแผ่นน้ำหอมกลิ่นที่ชอบ ระหว่างที่จัดรองเท้านั้นถ้าเจอรองเท้าคู่ไหนที่สภาพเสื่อมโทรมจนไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกก็เก็บทิ้ง ส่วนรองเท้าคู่ไหนที่เราไม่ได้ใส่แล้วแต่ยังสภาพดีอยู่สามารถนำไปขายมือสอง หรือไปบริจาคก็ได้เหมือนกัน
วันที่ 13 ‘กระเป๋าสตางค์’ รับทรัพย์
ใกล้วันสุดท้ายแล้ว! เก็บของชิ้นใหญ่ๆ กันมาตั้งหลายวัน ถึงเวลาเก็บของชิ้นเล็กที่ใกล้ตัวที่สุด... กระเป๋าสตางค์นั่นเอง ใบเสร็จที่จอดรถบ้าง ใบเสร็จเสื้อผ้าที่ซื้อบ้าง เอาออกมาทิ้งได้เลย หรือใบไหนสำคัญควรมีกระเป๋าแยกสำหรับใส่ใบเสร็จ เพื่อไม่ให้หายด้วยยิ่งดีเลย ส่วนใครที่เก็บเหรียญจนกระเป๋าตุง แนะนำให้เอาเหรียญเหล่านั้นออกมาเก็บใส่กระเป๋าใบจิ๋วดีกว่า จะได้ไม่หนักกระเป๋าสตางค์กันด้วย และสำหรับใครที่มีบัตรเยอะจนเก็บในกระเป๋าไม่ไหว แยกออกมาใส่ Card Holder ก็เป็นตัวช่วยที่ดี ไม่หล่นหายและสะดวกในการหยิบใช้ด้วย
วันที่ 14 จัดระเบียบอาวุธคู่กาย ‘โทรศัพท์มือถือ’
สำหรับวันสุดท้ายมาจัดระเบียบอาวุธคู่กายของทุกคน ‘โทรศัพท์มือถือ’ สิ่งที่เราใช้งานบ่อยที่สุด และอาจจะรกที่สุดแบบตาเปล่ามองไม่เห็น อาจเริ่มจัดการด้วยการลบแอปฯ ที่ไม่ได้ใช้ ซึ่งสามารถเพิ่มพื้นที่ภายในเครื่องได้อีกเพียบ หรือจัดระเบียบแอปฯ ให้เป็นหมวดหมู่ เช่น โฟลเดอร์นี้สำหรับโซเชียล โฟลเดอร์นี้สำหรับแอปฯ ธนาคาร และช่วงวิกฤตแบบนี้ โทรศัพท์เราอาจจะปนเปื้อนเชื้อโรคได้ง่าย ทางที่ดีเอาไปฆ่าเชื้อด้วยกล่องฆ่าเชื้อโรคก็จะดี และเชื่อว่าหลายๆ คนต้องทำโทรศัพท์หลุดมือบ่อยๆ ถ้าติด Griptok ไว้ข้างหลังจะช่วยให้จับได้ทะมัดทะแมงมากขึ้น และคนไหนเบื่อปัญหาสายชารจ์หาย ลองเปลี่ยนมาเป็น Wireless Charger ดู ตั้งบนโต๊ะ วางชาร์จทิ้งไว้ รอเต็มแล้วใช้งานได้เลย
ของที่เราเก็บกันมาตลอด 14 วันที่ผ่านมา เชื่อว่าหลายคนจะมีของที่ตัดใจทิ้งไม่ลง แต่ถ้าให้เก็บไว้ก็คงไม่ได้หยิบมาใช้อีก
เรารวบรวมของเหล่านั้นไปบริจาค หรือสำหรับใครที่อยากมีรายได้เสริมเล็กๆ น้อยๆ ลองเอาของเหล่านั้นไปประกาศขายมือ 2 ก็ได้เช่นกัน